ยี่ห้อรถยนต์ ขายดี

car
ellipse
rectangle

4 อันดับ แบรนด์รถยนต์ ยอดนิยม

  1. โตโยต้า
  2. ฮอนด้า
  3. มาสด้า
  4. มิตซูบิชิ

ค่ายรถยนต์ที่จัดจำหน่ายในประเทศไทย

รถยนต์ที่ผลิตจากเอเชีย
TOYOTA, HONDA, ISUZU, NISSAN MITSUBISHI, MAZDA, SUZUKI, MG

รถยนต์ที่ผลิตจากยุโรป
BENZ, BMW, VOLVO, PEUGEOT, AUDI

สถิติยอดขายรถยนต์รวม 10 อันดับล่าสุด ยอดนิยมประจำปี 2020

  1. อันดับที่ 1 TOYOTA 86,131 คัน
  2. อันดับที่ 2 ISUZU 44,922 คัน
  3. อันดับที่ 3 HONDA 30,004 คัน
  4. อันดับที่ 4 MITSUBISHI 23,991 คัน
  5. อันดับที่ 5 NISSAN 18,958 คัน
  6. อันดับที่ 6 MAZDA 16,579 คัน
  7. อันดับที่ 7 FORD 14,330 คัน
  8. อันดับที่ 8 MG 6,184 คัน
  9. อันดับที่ 9 SUZUKI 5,672 คัน
  10. อันดับที่ 10 CHEVROLET 4,446 คัน

ประเภทของรถยนต์ แบ่งออกเป็นกี่ประเภท

  1. A - Segment
    เป็นกลุ่มรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 660 cc. - ไม่เกิน 1000 cc.  โดยรถประเภทนี้จะเป็นรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและแถบชานเมือง ด้วยตัวรถที่มีขนาดเล็ก ใช้งานได้สะดวกคล่องแคล่ว ทั้งเรื่องของการขับและการจอดรถ โดยรถยนต์ประเภท A - Segment จะถูกเรียกว่า Kei Car ที่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น อย่างเช่น รถ Honda N-Box , รถ Suzuki Wagon-R  เป็นต้นส่วน รถ Toyota Aygo , รถ Suzuki Celerio เป็นต้น
  2. B - Segment
    สำหรับรถยนต์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มรถที่มีขนาดใหญ่กว่ากลุ่ม A - Segment  ตัวเครื่องยนต์มีขนาดประมาณ 1,000 cc. - 1,500 cc. โดยส่วนใหญ่รถประเภทนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัวขนาดเล็ก หรือ ผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน  จุดเด่นของรถประเภท B- Segment ก็คือ ภายในจะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้พอสมควร
    ในประเทศไทยนั้น จะแบ่งรถประเภท B – Segment ย่อยออกอีกสองประเภท คือ
    1. รถ Eco Car  ก็จัดเป็นรถประเภท B- Segment เช่นกัน มีเครื่องยนต์ประมาณ 1,200 cc. เป็นส่วนใหญ่ เช่น รถ Honda Brio, Mitsubishi Attrage, Nissan Almera, Toyota Yaris สำหรับรุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2013
    2. รถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์มากกว่า 1,200 cc. ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1,500 cc. จะมีขนาดเครื่องยนต์ใหญ่กว่ารถ Eco Car โดยจะมีออฟชั่นเสริมเพิ่มขึ้น  เช่น รถยนต์  Toyota Vios, Honda City, Honda Jazz, และ Mazda2 เป็นต้น
  3. C-Segment
    รถยนต์ประเภทนี้เป็นรถยนต์นั่งที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป หรือที่หลายๆท่านนั้นชอบเรียกว่ารถยนต์ขนาด คอมแพกต์ เหมาะสำหรับเป็นรถครอบครัว โดยรถยนต์ประเภท C- Segment นี้จะมีการเสริมแต่งเครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง ให้มีสมรรถนะดีมากยิ่งขึ้น ขนาดเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 1,500 - 2,200 cc. ยกตัวอย่างเช่น Toyota Corolla Altis, Honda Civic, Ford Focus และ Mazda 3 เป็นต้น
  4. D- Segment
    รถยนต์กลุ่มนี้จะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า C- Segment ขึ้นอีกระดับ  เป็นรถที่มีการตกแต่งภายในที่ เน้นความหรูหรา ใช้วัสดุที่ดีกว่า มีสมรรถนะที่สูง ขนาดเครื่องยนต์ประมาณ 2,400 cc ขึ้นไป ตัวอย่าง เช่น Toyota Camry , Honda Accord , Nissan Teana เป็นต้น
  5. E- Segment
    รถยนต์ประเภทถือว่าเป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ที่สุด หรือ ในที่ต่างประเทศเรียกว่า Full Size Car ซึ่งรถประเภทนี้ เป็นที่นิยมมากในทวีปอเมริกา แต่เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดใหญ่จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง และยังไม่ได้รับความนิยมในตลาดบ้านเรา จึงทำให้ไม่มีรถยนต์ประเภท Full Size Car วางจำหน่าย ส่วนตัวอย่างรถยนต์ประเภท E- Segment จะเป็นรถรุ่น Toyota Avalon , Chevrolet Impala เป็นต้น
  6. Luxury Car
    กลุ่มรถยนต์ที่เน้นในความหรูหรา ทั้งการตกแต่งและวัสดุที่ใช้ รถยนต์กลุ่มนี้เครื่องยนต์จะมีสมรรถนะสูง โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้งานสำหรับกลุ่มระดับผู้บริหาร รถยนต์ประเภท Luxury Car จะแบ่งออกได้อีก 3 ขนาด  ได้แก่
    1. Entry Level Luxury / Compact Executive Car ตัวรถยนต์จะมีขนาดเท่ากับ Compact Car แต่จะมีความหรูหราในเรื่องของการตกแต่งและวัสดุที่นำมาใช้ที่ดีกว่า และยังเป็นรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ มีสมรรถนะสูง เช่น Mercedes-Benz C-Class, Lexus IS, Audi A4 และ BMW Series 3 เป็นต้น
    2. Mid-Size Luxury Car เป็นรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ขนาดกลางทั่วไป แต่ด้วยตัวรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ขนาดกลางธรรมดา และมีการตกแต่งรถให้มีความหรูหรา ดูมีคุณภาพ กว่ารถยนต์ขนาดใหญ่ พร้อมทั้งมีสมรรถนะสูงกว่ามาตราฐานของรถยนต์ที่เป็นรถยนต์ขนาดกลางและรถยนต์ขนาดใหญ่ทั่วไป เช่น Mercedes-Benz E-Class, Lexus G8, Audi A6, BMW Series 5 เป็นต้น
    3. Full-Size Luxury Car  รถยนต์ประเภทนี้ถือว่าเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับความหรูหรา โดยเครื่องยนต์รถยนต์ประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องยนต์แบบ 6สูบ จนถึง 12สูบ ซึ่งขนาดของเครื่องยนต์อยู่ที่ 3,000 CC - 4,500 cc  เช่น Mercedes-Benz S-Class, Lexus LS, Audi A8, BMW Series 7, Jaguar XJ, Maserati Quttroporte เป็นต้น
  7. Sports Car
    หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า “รถสปอร์ต” นั่นเอง ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ 2 ที่นั่ง มีตัวถังแบบคูเป้ แต่ในบางรุ่นก็จะมาในแบบซีดาน โดยน้ำหนักของตัวถังจะเบากว่ารถปกติตัวไป เพื่อให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้ย เช่น Chevrolet Corvette , รถ Mitsubishi Lancer Evolution , รถ Subaru WRX STi , รถ Toyota 86/Subaru BR-Z เป็นต้น
  8. Grand tourer
    รถยนต์กลุ่มนี้จัดเป็นรถสปอร์ตที่มีความหรูหรามากกว่า Sports Car รวมถึงสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น เช่น รถ Nissan GT-R , รถ Porsche 911 , รถ Maserati Granturismo , รถ Aston Martin DB9
  9. SuperCar
    สำหรับรถประเภทนี้เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักกันดี โดยรถ Supercar นั้นจะเป็นรถที่เน้นในเรื่องของสมรรถนะ และจะมีเครื่องยนต์ขนาด 6สูบขึ้นไป  เช่น  รถ Lamborghini Huracan , รถ Ferrari 458 italia , รถ McLaren MP4-12C , รถ Ferrari F12 , รถ Lamborghini Aventador
  10. Hypercar
    รถยนต์กลุ่มนี้จะเน้นไปที่เรื่องการทำความเร็ว โดยสามารถทำความเร็วได้ถึง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียวมีพละกำลังและสมรรถนะที่สูง มีแรงม้าของรถ เกิน 700 - 800 แรงม้า และบางรุ่นมีแรงม้าถึง 1,000 แรงม้า เช่น รถ McLaren P1 , รถ Ferrari LaFerrari , รถ Bugatti Veyron , รถ Pagani Huayra

ประกันภัยแต่ละประเภท